ที่มาและความพัฒนาของศิลปะป๊อป
จากวัฒนธรรมต่อต้านสู่การออกแบบกระแสหลัก
ในทศวรรษที่ 1950 ได้เห็นการกำเนิดศิลปะแนวป๊อป (Pop Art) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างรุนแรงในยุคนั้น เนื่องจากมันขัดกับสิ่งที่ผู้คนคาดหวังจากศิลปะ และมุมมองของสังคมที่มีต่อสินค้าเพื่อผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อทุกอย่างดูใหม่และแตกต่างไปจากเดิม แนวคิดหลักของมันคือการเขย่าศิลปะแบบดั้งเดิม โดยนำสิ่งของที่เราเห็นในชีวิตประจำวันตามบ้านหรือในร้านค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ ลองคิดดู - ศิลปินเริ่มนำภาพจากหนังสือการ์ตูนมาวาดบนผ้าใบ และจัดแสดงกระป๋องซุปเหมือนกับว่ามันคือผลงานชั้นยอด ชื่อของแอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) และ รอย ลิคเทนสไตน์ (Roy Lichtenstein) กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เนื่องจากพวกเขาได้นำโฆษณาและบรรจุภัณฑ์มาแปลงโฉมให้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องหยุดคิด ตัวอย่างเช่น ชุดผลงาน Campbell's Soup Cans ของวอร์ฮอล ไม่ใช่แค่ภาพวาดธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่พวกเขายังเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อสิ่งของธรรมดา ๆ ตามร้านขายของชำตลอดไป
สิ่งที่ทำให้ศิลปะแนวป๊อปน่าสนใจคือการที่มันแทรกตัวเข้าไปในดีไซน์ประจำวัน และส่งอิทธิพลต่อแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมผู้บริโภค บางครั้งยังแฝงความเสียดสีไว้ด้วย การเพิ่มขึ้นของการแสดงในโทรทัศน์และนิตยสารภาพสีช่วยเผยแพร่รูปแบบของศิลปะป๊อปไปยังบ้านเรือนทั่วอเมริกา ทำให้สิ่งที่เคยเป็นแนวหน้ากลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเห็นได้ตามกล่องซีเรียลและฉลากเสื้อผ้า ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ให้เห็นว่า ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ศิลปะป๊อปเริ่มปรากฏไปทั่วทุกแห่ง ตั้งแต่แกลเลอรี่ในนิวยอร์กไปจนถึงนิทรรศการในลอนดอน เนื่องจากศิลปินสร้างผลงานที่พูดคุยกับคนทั่วไปผ่านสีสันสดใสและภาพที่คุ้นเคย การเคลื่อนไหวนี้แทบจะเปลี่ยนเกมของวงการศิลปะและดีไซน์ไปเลย โดยการทลายกำแพงระหว่างวัฒนธรรมระดับสูงกับวัฒนธรรมสมัยนิยม
ศิลปินสำคัญที่สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวนี้
การเคลื่อนไหวศิลปะป๊อปได้รับอิทธิพลจากศิลปินสำคัญหลายคนที่นำเอาแนวทางเฉพาะตัวของตนเองมาร่วมกัน ลองคิดถึง เช่น แจสเปอร์ จอห์นส์ โรเบิร์ต รอชเชนเบิร์ก และแคลส์ โอลเดนเบิร์ก เป็นตัวอย่าง พวกเขามีการทดลองใช้วัสดุและธีมที่หลากหลาย ผสมผสานเทคนิคทางศิลปะที่แตกต่างกันในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน จากนั้นก็มีชุดผลงานซุปแคมเปเบล (Campbell's Soup Cans) อันโด่งดังของแอนดี้ วอร์ฮอล ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง โดยการเปลี่ยนกระป๋องซุปธรรมดาให้กลายเป็นชิ้นงานศิลปะ วอร์ฮอลทำให้ผู้คนตระหนักถึงสินค้าบริโภคที่ซึมลึกเข้าไปในชีวิตประจำวันของเราอย่างไร ผลงานของเขาพูดเป็นนัยว่า ลองมองดูสิ่งเหล่านี้ที่เราพบเห็นทุกวันแต่แทบไม่เคยสังเกตเห็นเลย
ศิลปินชาวอังกฤษในยุโรป โดยมีริชาร์ด แฮมิลตันเป็นหนึ่งในนั้น มีอิทธิพลสำคัญต่อการพัฒนาศิลปะแนวป๊อป โดยผสมผสานองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าด้วยกันขณะที่พวกเขาหล่อหลอมทิศทางของขบวนการนี้ ศิลปะป๊อปได้ก้าวเลยขีดจำกัดของงานวาดภาพและประติมากรรมไปอย่างชัดเจน ศิลปินเริ่มนำเอาเทคนิคการพิมพ์เชิงพาณิชย์ วัตถุที่ผลิตเป็นจำนวนมาก และแม้กระทั่งองค์ประกอบอิเล็กทรอนิกส์ยุคแรกมาใช้ในผลงานของตน แนวทางที่กว้างขึ้นนี้ช่วยให้ศิลปะป๊อปได้รับการยอมรับในแวดวงแกลเลอรี่ทั่วทั้งทวีป การจัดแสดงงานสำคัญในสถานที่เช่น ทาเทอเมอดีร์น (Tate Modern) ได้ทำให้ศิลปะป๊อปกลายเป็นที่รู้จักแพร่หลาย โดยนักวิจารณ์ต่างชื่นชมทั้งมุมมองใหม่ของมัน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่คนทั่วไปมีต่อศิลปะโดยรวม
ประติมากรรมป๊อปอาร์ตในพื้นที่สมัยใหม่
พื้นที่จัดงานที่ถูกเปลี่ยนโฉมด้วยประติมากรรมขนาดใหญ่
ประติมากรรมสไตล์ป๊อปอาร์ตที่มีขนาดใหญ่พอสมควรกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราเห็นพื้นที่จัดงานในปัจจุบัน นำสีสันมาสู่พื้นที่ต่าง ๆ และดึงดูดความสนใจของผู้คนทุกที่ที่มันปรากฏตัว ลองสังเกตดูรอบ ๆ งานแสดงสินค้าหรืองานใหญ่ ๆ ในช่วงหลังมานี้ คุณอาจจะพบผลงานศิลปะขนาดใหญ่แบบหนึ่งที่โดดเด่นจนกลายเป็นที่พูดถึงของทุกคน ตัวอย่างเช่นงาน Art Basel เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีการติดตั้งผลงานป๊อปอาร์ตขนาดใหญ่ที่กลายเป็นจุดดึงดูดหลัก ทำให้ผู้เข้าชมต้องต่อคิวยาวเพื่อถ่ายรูปข้าง ๆ ผลงานนั้น นอกจากความสวยงามแล้ว ประติมากรรมเหล่านี้ยังช่วยกำหนดบรรยากาศของพื้นที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นงานที่ต้องการให้รู้สึกสนุกสนานและมีชีวิตชีวา หรืองานที่ต้องการให้ผู้ร่วมงานรู้สึกคิดลึกคิดละเอียดและจริงจังมากขึ้น ผู้วางแผนจัดงานและนักออกแบบภายในมักกล่าวถึงว่า การนำองค์ประกอบป๊อปอาร์ตขนาดใหญ่เข้ามาใช้ สามารถเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นสถานที่พิเศษและน่าจดจำได้ ผู้ดำเนินการสถานที่จัดงานยังรายงานผลลัพธ์ที่ชัดเจนเช่นกัน โดยอุตสาหกรรมสำรวจพบว่า จำนวนผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 30% เมื่อมีการจัดวางผลงานเหล่านี้ไว้ในพื้นที่ อะไรที่ทำให้ผลงานเหล่านี้ประสบความสำเร็จ? ก็เพราะมันช่วยให้ผู้จัดงานสามารถผสมผสานการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์เข้ากับธีมของงานที่ต้องการสื่อออกมาได้อย่างลงตัว
ห้องรับรองโรงแรมที่เสริมด้วยรูปปั้นมนุษย์
โรงแรมในอุตสาหกรรมการบริการทั่วทั้งวงการต่างนำประติมากรรมมนุษย์ในสไตล์อาร์ตป๊อปมาจัดแสดงในล็อบบี้ เพื่อสร้างช่วงเวลาที่น่าประทับใจจนแขกที่มาพักยังคงจดจำได้แม้จะเช็คเอาท์ไปแล้ว สถานที่เช่น เดอะ สแตนดาร์ด (The Standard) และ โรงแรมเอก (Ace Hotel) ต่างให้การตอบรับแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน โดยจัดวางผลงานที่ดึงดูดสายตาไว้ในจุดต่าง ๆ ซึ่งแขกที่มาพักมักไม่อาจต้านทานการถ่ายภาพเพื่อลงโซเชียลมีเดียไว้ได้ ผู้คนมักมีส่วนร่วมกับงานศิลปะที่มีรูปลักษณ์ของมนุษย์ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มสัมผัสส่วนตัวที่ขาดหายไปในพื้นที่ของโรงแรมหลายแห่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบมักเน้นย้ำถึงความสำคัญในการเลือกสรรผลงานที่เข้ากับบรรยากาศของโรงแรม หรือบอกเล่าเรื่องราวบางส่วนของที่พักนั้น ๆ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกว่าทุกสิ่งถูกจัดวางไว้อย่างลงตัวตั้งแต่ก้าวเท้าผ่านประตูด้านหน้า การสำรวจข้อมูลจากความคิดเห็นของแขกจริง ๆ พบว่า คนส่วนใหญ่ชื่นชมการได้อยู่ท่ามกลางงานศิลปะที่น่าสนใจในระหว่างที่เข้าพัก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในช่วงหลังนี้ผู้ประกอบการโรงแรมถึงเริ่มลงทุนกับการจัดวางผลงานในลักษณะเช่นนี้มากยิ่งขึ้น
วัสดุสมัยใหม่ในดีไซน์รูปปั้น
ประติมากรรมป๊อปอาร์ตในปัจจุบันมีการใช้วัสดุใหม่ๆ มากมายในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งพลังทางอารมณ์ ศิลปินในปัจจุบันมีความคิดสร้างสรรค์อย่างมากกับวัสดุต่างๆ เช่น ไฟเบอร์กลาส โลหะหลายชนิด และเรซินหลากหลายประเภท ทำให้ขยายขอบเขตของสิ่งที่ผู้คนเคยคิดว่าเป็นไปได้ในการสร้างงานประติมากรรม วัสดุเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ทนทานต่อสภาพอากาศภายนอก แต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามทางศิลปะ ความยั่งยืนก็เป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบันเช่นกัน ดังนั้นศิลปินหลายคนจึงเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่าที่จะทำได้ ซึ่งบางครั้งหมายถึงการนำวัสดุเก่ามาใช้ใหม่ หรือเลือกใช้ทางเลือกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งเช่นกัน ด้วยเครื่องมือการผลิตแบบดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประติมากรสามารถสร้างรูปทรงที่ซับซ้อนและงานติดตั้งขนาดใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา เราได้เห็นตัวอย่างที่น่าทึ่งหลายชิ้น ที่ซึ่งศิลปินสร้างผลงานขนาดใหญ่ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากใช้เพียงแค่เทคนิคแบบดั้งเดิม ทำให้เปลี่ยนแปลงแนวคิดของเราเกี่ยวกับงานประติมากรรมขนาดใหญ่ในปัจจุบันไปโดยสิ้นเชิง
การนำป๊อปอาร์ตมาใช้ในประเภทห้องต่างๆ
ห้องนั่งเล่นที่มีชีวิตชีวาพร้อมคำแถลงที่โดดเด่น
การเพิ่มลูกเล่นของศิลปะป๊อป (Pop Art) ที่โดดเด่นเข้าไปในห้องนั่งเล่นนั้น สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของพื้นที่ทั้งห้องให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เมื่อเราจับรูปทรงที่ไม่คาดคิดมาผสมผสานกับภาพสีสันจัดจ้านจากวัฒนธรรมป๊อป ก็จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับทุกห้องได้อย่างมาก การเลือกซื้อของตกแต่งแนวป๊อปอาร์ตที่ดี หมายถึงการหาชิ้นงานที่สะท้อนรสนิยมส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย แต่ยังคงเข้ากับภาพรวมของพื้นที่โดยรอบได้อย่างลงตัว ผู้คนส่วนใหญ่เลือกผลงานศิลปะที่มีโทนสีสดใส เพื่อให้โดดเด่นเมื่ออยู่บนผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้านสไตล์โมเดิร์น อพาร์ตเมนต์ในเมือง หรือพื้นที่ที่มีการผสมผสานหลายสไตล์เข้าด้วยกัน การจัดวางอย่างสร้างสรรค์ยังสามารถทำให้ชิ้นงานป๊อปอาร์ตบางชิ้นกลายเป็นจุดเด่นหลักของห้อง ซึ่งมักจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากแขกที่มาเยือน และทำให้พวกเขาเกิดคำถามว่าของชิ้นนั้นซื้อมาจากที่ไหน
นักตกแต่งภายในที่ได้เห็นพื้นที่หลากหลายรูปแบบมาพอสมควร มักจะบอกกับทุกคนที่ยินดีจะฟังว่า การจัดวางงานศิลปะไว้ตรงไหนนั้นมีความสำคัญมากต่อการสร้างสรรค์ภาพลักษณ์โดยรวม ลองพิจารณาผ้าใบขนาดใหญ่ดูสิ มันจะโดดเด่นขึ้นมาทันทีเมื่อถูกจัดวางใกล้กับเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีเข้ากันหรือมีลักษณะแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ ชิ้นงานศิลปะแนวป๊อปอาร์ตที่มีสีสันสดใสนั้นสามารถสร้างความประทับใจได้ดีเมื่อนำมาแขวนบนผนังที่มีโทนสีเรียบง่าย หรือแม้แต่บนพื้นผนังที่มีพื้นผิวหรือลวดลายที่น่าสนใจ ผลลัพธ์ที่ได้คือ งานศิลปะนั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของห้องนั้น แทนที่จะเป็นเพียงแค่สิ่งของที่แขวนอยู่เฉย ๆ อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทุกองค์ประกอบรวมกันเข้ากันได้อย่างลงตัว ผู้ที่มองเข้าไปก็จะไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังจ้องมองสิ่งของที่ถูกจัดวางกระจายอยู่ทั่วห้องอย่างไร้แบบแผนอีกต่อไป
พื้นที่ทำงานสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสัน
การเพิ่มองค์ประกอบศิลปะแนวป๊อปอาร์ตเข้าไปในพื้นที่สำนักงาน จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานและความมุ่งมั่นของพนักงาน เมื่อบริษัทต่างๆ นำเอารูปแบบสีสันสดใสและลวดลายที่สะดุดตาเข้ามาใช้ตกแต่งบรรยากาศโดยรวมก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เช่นกรณีของ WeWork ที่มีการออกแบบพื้นที่ด้วยภาพวาดและงานศิลปะหลากสีสันที่ทำให้พนักงานอยากใช้เวลากับโต๊ะทำงานนานขึ้น การศึกษาด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับสีสันยังชี้ให้เห็นว่าโทนสีที่สดใสนั้นสามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์และพลังงานได้ แม้จะมีบางคนที่อาจแย้งถึงระดับผลกระทบต่อตัวเลขประสิทธิภาพโดยตรง อย่างไรก็ตาม บริษัทส่วนใหญ่รายงานว่าทีมงานมีความสุขมากขึ้นเมื่อสภาพแวดล้อมการทำงานมีชีวิตชีวา ไม่จำเจและเป็นทางการเกินไป
การเพิ่มองค์ประกอบศิลปะแบบป๊อป (Pop Art) เข้าไปในพื้นที่สำนักงานนั้นมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีชีวิตชีวา ลองนึกถึงภาพวาดบนผนังที่มีสีสันสดใส รูปสลักโต๊ะทำงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือแม้แต่สิ่งของตกแต่งที่สะดุดตาในพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถทำให้ผู้คนยิ้มได้ การศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายในชี้ให้เห็นว่า สำนักงานที่มีไอเดียสร้างสรรค์จริงๆ แล้วสามารถเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมและกระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ระหว่างพนักงานได้ เมื่อบริษัทต่างๆ นำเอาองค์ประกอบศิลปะแบบป๊อปมาใช้ในพื้นที่ทำงาน พวกเขาไม่ได้แค่ทำให้สถานที่ดูดีขึ้นบนกระดาษเท่านั้น แต่การเลือกสรรค์งานศิลปะเหล่านี้ยังมีผลกระทบเชิงบวกที่แท้จริง ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและได้รับแรงบันดาลใจในระหว่างวันทำงานอีกด้วย การวางภาพพิมพ์ของแอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) ไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรือลวดลายเรขาคณิตที่โดดเด่น สามารถเปลี่ยนห้องประชุมที่น่าเบื่อให้กลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนอยากใช้เวลาอยู่จริงๆ
การเปรียบเทียบศิลปะป๊อปกับพื้นหลังสีกลาง
การจัดวางผลงานศิลปะแนวป๊อปอาร์ตที่มีลวดลายโดดเด่นไว้ใกล้กับพื้นหลังโทนสีเรียบง่ายได้กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งช่วยขับให้เห็นถึงความสดใสและมีชีวิตชีวาของงานศิลปะเหล่านั้น เมื่อพูดถึงโทนสีเรียบง่าย หมายถึงสีขาว สีเทา และสีเบจเป็นหลัก สีเหล่านี้จะช่วยลดทอนพลังงานที่เข้มข้นจากงานป๊อปอาร์ต ทำให้ทุกสิ่งดูสมดุลเมื่ออยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แนวคิดนี้ใช้ได้ผลเพราะสายตาของเรามักจะถูกดึงดูดไปยังงานศิลปะที่มีสีสันโดยไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งอื่นรอบข้างมากเกินไป โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักเลือกใช้ผนังสีขาวสะอาดเอี่ยม หรืออาจจะเป็นผนังที่ทาด้วยสีเทาอ่อนๆ เพื่อใช้ในการโชว์ผลงานป๊อปอาร์ตที่ตนเองชื่นชอบ โดยเฉพาะสีแดงและสีน้ำเงินที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเมื่ออยู่บนพื้นหลังเหล่านี้ ทำให้มันดูเด่นชัดพอดี ไม่ฉูดฉาดหรือรุนแรงจนเกินไปในบรรยากาศของห้อง
หากคุณมองไปรอบๆ แกลเลอรี่ศิลปะร่วมสมัย หรือเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างดีในปัจจุบัน มีแนวโน้มสูงที่ศิลปะแบบป๊อป (Pop Art) จะโดดเข้ามาในสายตาของเราจากพื้นหลังที่เรียบง่ายและมีรายละเอียดแบบมินิมอล ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายในหลายคนมักพูดถึงวิธีการที่ความแตกต่างแบบนี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว สร้างสรรค์พื้นที่ที่ให้ความรู้สึกทั้งสง่างามและเต็มไปด้วยพลังงานในเวลาเดียวกัน คำแนะนำที่นักออกแบบส่วนใหญ่แนะนำคืออะไร? ให้คงพื้นที่ส่วนใหญ่มีโทนสีกลางๆ เพื่อให้ทุกอย่างไหลลื่นและกลมกลืนตลอดทั้งพื้นที่ จากนั้นจึงปล่อยให้ชิ้นงานศิลปะป๊อปที่สะดุดตาเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจทันทีที่มีคนเดินเข้ามา ผลลัพธ์ที่ได้คือ ห้องที่ให้ความรู้สึกทั้งหรูหราและสนุกสนาน โดยไม่ต้องพยายามมากจนเกินไป
การผสมผสานระหว่างสไตล์เรโทรและร่วมสมัย
มีบางอย่างในศิลปะแนวป๊อปที่ไม่มีวันตกยุคจริงๆ ซึ่งทำให้มันเหมาะมากเมื่อต้องการผสมผสานบรรยากาศแบบเก่าแก่เข้ากับสิ่งที่กำลังเป็นเทรนด์ในวงการออกแบบตกแต่งภายในอยู่ตอนนี้ เมื่อใครสักคนนำเอาชิ้นงานคลาสสิกจากหลายทศวรรษก่อนมาผสมเข้ากับองค์ประกอบศิลปะป๊อปสมัยใหม่ ก็จะเกิดสิ่งพิเศษขึ้นมาที่ให้เกียรติทั้งสองยุคสมัยโดยไม่รู้สึกฝืนหรือบังคับให้เข้าด้วยกัน ลองจับเฟอร์นิเจอร์แท้จากยุค 60s มาจัดวางคู่กับองค์ประกอบศิลปะป๊อปสมัยใหม่อย่างภาพศิลปะบนผนังที่มีลักษณะเหมือนกราฟฟิตี้ หรือมีสไตล์กราฟิกดิจิทัลที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน ทั้งหมดจะเริ่มดูเหมือนสิ่งที่คนเรียกกันว่า 'เรโทรฟิวเจอริสติก' (retro-futuristic) โดยพื้นฐานแล้วมันหมายถึงความรู้สึกที่ทั้งใหม่เอี่ยมแต่ยังคงไว้ซึ่งความทรงจำจากอดีตไปพร้อมๆ กัน
เจ้าของบ้านที่ต้องการผสมผสานสไตล์ที่ต่างกันโดยไม่ทำให้พื้นที่ดูรกห้อง ควรเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์พื้นฐานเหล่านี้ก่อน สิ่งแรกให้เริ่มด้วยสินค้าอาร์ตป๊อปที่โดดเด่นหนึ่งหรือสองชิ้น จากนั้นจับคู่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ตกแต่งแบบวินเทจ ให้ใช้พื้นผิวที่มีลักษณะคล้ายกันตลอดทั้งห้อง และเลือกโทนสีที่เข้ากันได้ดี แทนที่จะเป็นสีที่ขัดแย้งกัน นักออกแบบภายในมักจะเตือนถึงการปล่อยให้แนวทางการตกแต่งหนึ่งครอบงำพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นองค์ประกอบทั้งสองจึงต้องได้รับการใส่ใจอย่างเท่าเทียมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี เมื่อรวมลุคสมัยใหม่เข้ากับลุคเก่า ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงการจัดวางและขนาด ซึ่งการตัดสินใจอย่างรอบคอบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ห้องดูเป็นระเบียบแบบไม่ลงตัว แต่ยังคงให้ความรู้สึกที่เย็นเท่ห์และมีเอกลักษณ์แบบที่หลายคนกำลังตามหามากในปัจจุบัน